วันที่ 24 มิถุนายน 2563 เวลา 14.00 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้สัมภาษณ์รายการเมืองไทย 18น สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 “ไขข้อข้องใจโรคอุบัติใหม่กาฬโรคแอฟริกาม้า (African Horse Sickness: AHS) ในประเทศไทย” กำหนดออกอากาศในวันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน และ 4 กรกฎาคม 2563 เวลา 18.00 น. โดยดร.มนัส ตั้งสุข เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เนื่องด้วยโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness: AHS) เป็นโรคที่พบรายงานการเกิดโรคในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 เกิดจากเชื้อไวรัส ก่อโรคในม้า ลา ล่อ ม้าลาย และอูฐ อาการป่วยรุนแรงถึงตายได้ในม้าและล่อแสดง ส่วนในลาและม้าลายจะแสดงอาการแบบไม่รุนแรง โดยไม่พบรายงานการติดต่อจากสัตว์สู่คน การติดต่อของโรคนี้ เกิดจากการถูกแมลงดูดเลือดที่เป็นพาหะในการแพร่โรคมากัด เช่น ตัวริ้น เหลือบ หรือแมลงวันคอก มีระยะฟักตัวของโรค 2-21 วัน สามารถตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการได้ โดยการตรวจหาเชื้อไวรัสด้วยวิธี RT-PCR และการตรวจระดับภูมิคุ้มกันด้วยวิธี ELISA จากตัวอย่างเลือดและซีรั่ม
จากการสำรวจทั่วประเทศไทยมีจำนวนม้าทั้งหมด 18,093 ตัว มีผู้เลี้ยงม้าจำนวน 3,249 ราย รายงานสถานการณ์การระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2563 ปัจจุบันพบการระบาดของโรคในวงจำกัด 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ราชบุรี, ชลบุรี, ชัยภูมิ, สระแก้ว, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, นครนายก, ฉะเชิงเทรา นนทบุรี, ปทุมธานี และกรุงเทพมหานครฯ โดยพบม้าป่วยสะสม 603 ตัว (3.3%) และตายสะสม 561 ตัว (3.1%) เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งเชิงบวก คือ เกิดความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเพื่อกำจัดโรคและเพื่อคืนสถานภาพปลอดโรคจาก OIE ทั้งภาครัฐ สมาคม ชมรม มูลนิธิ และผู้เลี้ยง ในรูปแบบของ (PPP: Public Private Partnership) ซึ่งจะมีการลงนามใน MOU ร่วมกัน 18 หน่วยงานในเร็วๆ นี้ และทำให้ทราบการกระจายตัวและจำนวนประชากรม้า ลา ล่อ ม้าลายที่ใกล้เคียงกับข้อมูลที่แท้จริง ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโรค ส่งผลกระทบเชิงลบ คือ ทำให้เกิดการสูญเสียม้าเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงม้าหลายราย ต้องหยุดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงม้า ส่งผลให้ขาดรายได้จากการที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายม้าเพื่อไปดำเนินงานในจุดต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ เพิ่มภาระความรับผิดชอบและต้นทุนในการดูแลม้ามากขึ้น
กรมปศุสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงคณาจารย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ สัตวแพทย์ที่ปรึกษาฟาร์มม้า สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาม้าแข่งไทย สมาคมกีฬาโปโลแห่งประเทศไทย และผู้แทนผู้เลี้ยงม้าทั่วประเทศ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าในประเทศไทยอนุมัติใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2563 และได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินการควบคุมและป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด มีมาตรการหลักๆ ในการควบคุมและป้องกันโรค ประกอบด้วย การเฝ้าระวังทางอาการ และทางห้องปฏิบัติการในสัตว์กลุ่มเสี่ยง เช่น ม้า ลา ล่อ และม้าลาย การป้องกันและการลดประชากรแมลงดูดเลือด เช่น ให้นำม้าเข้ามุ้ง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ในม้า ลา และล่อ ในพื้นที่เกิดโรคและพื้นที่เสี่ยงในรัศมีที่กำหนด การขึ้นทะเบียนม้าทุกตัว และการควบคุมเคลื่อนย้ายม้า ลา ล่อ และม้าลาย การดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ระยะเผชิญเหตุโรคระบาดกาฬโรคแอฟริกาในม้า โดยมีเป้าหมายในการดำเนินงานในระยะนี้ คือ เพื่อการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพโดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน (กำลังอยู่ในระยะนี้) ระยะที่ 2 ระยะเฝ้าระวังและป้องกันการอุบัติซ้ำของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เน้นที่การควบคุมการนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศ ขึ้นทะเบียนม้า ลา ล่อ อูฐ และม้าลาย และพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ติดตามและประเมินผล และระยะที่ 3 ระยะขอคืนสถานภาพรับรองปลอดกาฬโรคแอฟริกาในม้าในประเทศไทย จากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) เมื่อประเทศไทยไม่พบการระบาดของโรคนี้ในระยะ 2 ปี ไม่พบม้าป่วยใหม่เพิ่มเติมในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยจะต้องมีการหยุดการใช้วัคซีนภายในประเทศก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
ดังนั้นประเทศไทยจึงเน้นการใช้วัคซีนเพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น และต้องขอความร่วมมือผู้เลี้ยงม้าทุกท่านให้ดำเนินการตามมาตรการในการควบคุมและป้องกันโรคนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้โรคนี้สงบลงโดยเร็วที่สุด และลดความเสียหายในระยะยาวต่อไป
ณ ห้องประชุมซุ้มเรือนแก้ว ตึกอำนวยการ กรมปศุสัตว์
ภาพ ธงชัย สาลี สลก /ข่าว คณะทำงานโฆษกกรมปศุสัตว์
{gallery}news_dld/2563/2563_06_24d/{/gallery}