นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่องค์การสุขภาพสัตว์โลก รายงานการพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever) ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มการระบาดที่รุนแรงขึ้น กรมปศุสัตว์ได้กำหนดมาตรการเบื้องต้นในการควบคุมป้องกันโรคมิให้เข้ามาภายในประเทศ แต่การควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แผนการเผชิญเหตุจึงจำเป็นต้องมีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ได้แผนที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการยอมรับและปฏิบัติได้จริง

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสัตว์ตระกูลสุกรซึ่งมีสุกรป่าเป็นแหล่งรังโรคและมีเห็บอ่อนเป็นพาหะนำโรค โรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นในอนุภูมิภาคซาฮาราของทวีปอัฟริกา ประเทศซาดิเนียของทวีปยุโรป ต่อมาพบการระบาดของโรคในประเทศจอร์เจีย ประเทศอาเซอร์ไบจัน ประเทศอาร์เมเนีย สหพันธรัฐรัสเซียและล่าสุด

ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยโรคนี้เป็นโรคสัตว์แปลกถิ่นสำหรับประเทศไทยรวมทั้งประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน แต่ก็ถือว่าเป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรสูง เนื่องจากหากมีการระบาดของโรคนี้ในประเทศแล้วจะกำจัดโรคได้ยาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค ในขณะที่เชื้อไวรัสที่ก่อโรคมีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมสูง สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิตและยิ่งกว่านั้นโรคนี้เป็นโรคที่มีความความรุนแรงมาก โดยทำให้สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ สุกรที่ป่วยจะแสดงอาการคล้ายคลึงกับโรคอหิวาต์สุกรและพีอาร์อาร์เอส คือ มีไข้สูง เบื่ออาหาร ท้องเสีย และแท้งในแม่สุกร โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรสามารถติดต่อได้จากการที่สุกรสัมผัสโดยตรงกับสิ่งคัดหลั่งของสุกรป่วย การหายใจเอาเชื้อเข้าไป การกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน รวมทั้งโดนเห็บที่มีเชื้อกัด เป็นต้น ทั้งนี้จากผลการสอบสวนโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในสหพันธ์รัสเซีย พบว่ามีสาเหตุจากการปนเปื้อนเชื้อไวรัสในไส้กรอกและซาลามีซึ่งบริโภคแบบไม่ปรุงสุก ที่คนบริโภคไม่หมดแล้วนำไปเลี้ยงสุกร

อธิบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้เช่นกัน เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ภายในภูมิภาค รวมถึงมีโอกาสที่เชื้อจะปนเปื้อนกับคนและอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสุกรที่ไม่ผ่านการปรุงสุกเพื่อการบริโภค
อย่างไรก็ตาม ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมกรมปศุสัตว์จึงได้จัดประชุมเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา
สภาหรือสมาคมวิชาชีพต่างๆที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร หน่วยงานความมั่นคง เป็นต้น สำหรับการประชุมในครั้งนี้
เป็นการประชุมครั้งแรกซึ่งกรมปศุสัตว์จำเป็นต้องมีการเชิญประชุมอีกในหลายวาระถัดไปเพื่อให้การจัดทำแผนมีความครบถ้วนและมีประสิทธิภาพได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ซึ่งกรอบในการจัดทำแผนจะประกอบด้วย 7 ประเด็น คือ
การป้องกันโรคเข้าประเทศเชิงบูรณาการ การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรคของฟาร์ม การสื่อสารความเสี่ยงและการเตือนภัย การเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังโรค เครือข่ายทางห้องปฏิบัติการ การควบคุมโรค และการฟื้นฟูเกษตรกรภายหลังได้รับผลกระทบจากโรค

                   ท้ายที่สุดนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ยกระดับการเลี้ยงสุกรให้มีระบบการป้องกันโรคที่ดีตามมาตรฐาน GAP และหากเป็นรายย่อยให้ใช้มาตรฐานการป้องกันและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบแหล่งที่มาของสุกรก่อนเข้าฟาร์ม ร่วมกับการจัดการด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ ซึ่งจะช่วยป้องกันการนำโรคเข้าสู่ฟาร์มได้ นอกจากนี้ให้สังเกตอาการสุกรอย่างใกล้ชิด หากพบสุกรแสดงอาการป่วย เช่น มีไข้สูง เบื่ออาหาร ผิวหนังเป็นปื้นแดงและต่อมาเป็นสีเขียวคล้ำ พบภาวะแท้งในแม่สุกรและมีจำนวนสุกรตายผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที หรือ call center 063-225-6888 หรือที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 “แจ้งการเกิดโรคระบาด” เพื่อจะได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

------------------------------------------
ข้อมูล : สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์