กรมปศุสัตว์สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ เรื่อง ความปลอดภัยด้านอาหาร ด้วยการออกกฎหมาย “ระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์  เข้าในหรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อยในภาคใต้ของประเทศไทย พ.ศ.2559”

             กรมปศุสัตว์สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ เรื่อง ความปลอดภัยด้านอาหารด้วยการออกกฎหมาย “ระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์  เข้าในหรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อยในภาคใต้ของประเทศไทย พ.ศ.2559”  ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในสังกัดบังคับใช้ในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์  เข้าในหรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อยในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นไปในแนวทางเดียวกัน  อันจะส่งผลให้การป้องกันและควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพการตรวจสอบอาการของสัตว์จำพวกโค  กระบือ  แพะ  แกะ  สุกร  หมูป่า และกวาง รวมถึงการทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ก่อนการเคลื่อนย้ายเข้าในหรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อยในภาคใต้ของประเทศไทย  โดยระเบียบให้ถือปฏิบัติไว้ดังนี้

              “ผู้ใดประสงค์จะเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์เข้าในเขต  หรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อย  ให้ยื่นคำขอรับหนังสืออนุญาตต่อสัตวแพทย์ประจำท้องที่ที่สัตว์หรือซากสัตว์ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่นั้น  โดยสามารถยื่นคำขอได้  2  ทาง  คือ  ยืนคำขอผ่านทางระบบออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ของกรมปศุสัตว์ หรือ ติดต่อโดยตรงที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดท้องที่ที่สัตว์หรือซากสัตว์อยู่ในพื้นที่นั้น  เพื่อขอรับบริการยื่นคำขอผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมปศุสัตว์  ซึ่งสัตวแพทย์ประจำท้องที่จะพิจารณาตรวจสอบแหล่งที่มาของสัตว์หรือซากสัตว์อย่างละเอียด  โดยจะต้องไม่เป็นสัตว์หรือซากสัตว์ที่มาจากท้องที่ที่มีการระบาดของโรคระบาด หรือมีความเสี่ยงของโรคระบาด และให้มีการทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ตามหลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ประกาศกำหนด”

            ทั้งนี้หากตรวจพบว่าสัตว์หรือซากสัตว์เป็นโรคระบาดหรือพาหะของโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นโรคระบาดให้สัตวแพทย์ประจำท้องที่ปลายทางรายงานปศุสัตว์จังหวัดต้นทาง หรือหัวหน้าด่านกักกันสัตว์ หรือหัวหน้าส่วนราชการอื่นแล้วแต่กรณี  พร้อมทั้งรายงานปศุสัตว์จังหวัดปลายทาง  รวมถึงปศุสัตว์เขตท้องที่ต้นทางและปลายทางโดยด่วนที่สุดด้วย  และดำเนินการควบคุมโรคตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์กำหนด

            หากตรวจไม่พบสัตว์หรือซากสัตว์ หรือไม่ครบถ้วนหรือเกิดจำนวนตามที่ระบุไว้ให้สอบสวนสาเหตุ  และพิจารณาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป   ส่วนในกรณีสัตว์ที่เคลื่อนย้ายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปเลี้ยง ให้สัตวแพทย์ประจำท้องที่ปลายทาง  กักกันสัตว์ไว้เป็นเอกเทศในสถานที่กักกันสัตว์ปลายทางที่ปศุสัตว์จังหวัดปลายทางรับรองเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน

            ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการประกาศเรื่องดังกล่าวแล้วในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133  ตอนพิเศษ 126 ง  วันที่ 2 มิถุนายน 2559 เรื่อง ระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์  เข้าในหรือผ่านเขตควบคุมโรคระบาดชนิดปากและเท้าเปื่อยในภาคใต้ของประเทศไทย พ.ศ.2559 หากท่านต้องการทราบรายละเอียดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้

**************************************************************

ข้อมูล : สำนักกฎหมาย                                                       

เรียบเรียงและเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โดย : จิราภรณ์ เกตุบูรณะ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม