การคัดเลือกเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรด้านปศุสัตว์ประจำปี 2564  จะได้รับโล่รางวัลพระราชทาน เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ (อาชีพเลี้ยงสัตว์) พ.ศ. 2564 คือ  นายพรหมพิริยะ  สอนศิริ  เลขที่ 66/1 หมู่ที่ 2 ตำบลบางยาง อำเภอบ้าน จังหวัดปราจีนบุรี  โทร. 092 632 9993   อายุ  51  ปี  จบการศึกษาปริญญาตรี (สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบางพระชลบุรี คณะเกษตรศาสตร์บางพระชลบุรี  สาขาสัตวศาสตร์)  ชนิดปศุสัตว์ที่เลี้ยง กระบือ

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงความคิดริเริ่มและความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคในการสร้างผลงาน ว่า นายพรหมพิริยะ สอนศิริ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ คณะเกษตรศาสตร์บางพระชลบุรี สาขาสัตวศาสตร์ (ประมง) เริ่มทำงานในบริษัทเอกชนจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ต่อมามีปัญหาค่าตอบแทนจากยอดขายจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ  ต่อมาเปิดกิจการส่วนตัว เพื่อจำหน่ายอาหารเสริมเคมีภัณฑ์สำหรับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ  แต่ต้องปิดกิจการเพราะปัญหาสารเคมีตกค้างในกุ้งและได้เปลี่ยนมาจำหน่ายอาหารเสริมสำหรับไก่ชนในนาม บริษัท เอกไก่ชน จำกัด บริษัทฯ พบวิกฤตการระบาดโรคไข้หวัดนกจึงต้องปิดตัวลง จากนั้นได้ผันตัวมาทำปศุสัตว์โดยการเลี้ยงโคเนื้อ  โคสวยงาม  เพาะพันธุ์ม้า สายพันธุ์ควอเตอร์ แต่ประสบปัญหาราคาม้าในตลาดตกต่ำ   จึงตัดสินใจซื้อที่ดินประมาณ  70  ไร่ อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี  เพื่อเพาะพันธุ์โคเนื้อ  เน้นการเพาะพันธุ์โค  ม้า  แพะและแกะ เพื่อจำหน่ายพันธุ์ต่อมาประสบปัญหาการเลี้ยงจึงตัดสินใจเลิกเลี้ยง   ในปี  2554  เกิดปัญหาอุทกภัยใหญ่ได้ปรึกษากับผู้มีประสบการณ์จึงปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงสัตว์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำและลงตัวที่การเลี้ยงกระบือ (ควายไทย) ซึ่งเป็นการเลี้ยงในระบบแบบประณีตเต็มรูปแบบ โดยทำการเพาะพันธุ์กระบือเพื่อจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ตั้งแต่ปี 2556  เป็นต้นมา  อยู่มาแม่พันธุ์กระบือที่เลี้ยงไว้เกิดอุบัติเหตุลูกกระบือเสียชีวิตหลังคลอด ทำการรีดนมออกเพื่อป้องกันเต้านมอักเสบ  ได้ทดลองดื่มและนำนมที่รีดได้มาพาสเจอร์ไรซ์  ทำการเปรียบเทียบนมกระบือไทยกับนมกระบือสายพันธุ์มูร่าห์ที่จำหน่ายในท้องตลาด  พบว่านมกระบือไทยมีรสชาติ  มัน  หวาน  หอมและไม่มีกลิ่นคาว จากนั้นได้นำนมกระบือไทยเข้าสู่กระบวนการตรวจวิเคราะห์โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  พบว่านมกระบือไทยที่ผลิตได้มีคุณภาพดีเยี่ยม  จึงเริ่มผลิตเพื่อจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการและเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของการเลี้ยงกระบือไทย  นอกเหนือจากจำหน่ายสายพันธุ์เพียงอย่างเดียวภายใต้แบรนด์ Siam Buff Milk    นายพรหมพิริยะฯ  ได้นำศาสตร์พระราชา  “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”  มาประยุกต์ใช้ในฟาร์ม  ปัจจุบันมีกระบือ  300  ตัว แบ่งเป็นแม่กระบือที่ให้ลูกและให้นม  146  ตัว  ทำการเลี้ยงแบบประณีต โดยมีรูปแบบของโรงเรือนที่เป็นลักษณะปิด กางมุ้งกันแมลงแบบถาวร  เทพื้นด้วยคอนกรีต มีแผ่นยางปูพื้นคอกสำหรับให้กระบือรองนอน  ติดฝ้าเพดานป้องกันความร้อนและมีระบบพ่นหมอกเพื่อระบายความร้อน  ใช้เทคโนโลยีเครื่องพ่นหมอกเข้ามาช่วยอัตโนมัติ วันละ 10 ครั้งๆ ละ 20 นาที ทุกชั่วโมง

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับเป็นเวลา 10 กว่าปีที่ นายพรหมพิริยะ สอนศิริ ประกอบอาชีพด้านปศุสัตว์ควบคู่ไปกับอาชีพเกษตรกรรม ทำสวน ทำไร่ จากอาชีพเสริมกลายมาเป็นอาชีพหลัก โดยมีความมุ่งมั่นฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อเรียนรู้และพัฒนาการเลี้ยงกระบือไทยให้เป็นที่รู้จัก  พร้อมทั้งได้เผยแพร่องค์ความรู้การเลี้ยงกระบือไทยสู่ผู้ที่สนใจเพื่อนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืน  ตลอดจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะชน โดยมีระบบการบริหารจัดการด้านปศุสัตว์   ด้านพันธุ์สัตว์ คัดเลือกนำเข้าแม่พันธุ์จากแหล่งกำเนิดสายพันธุ์กระบือใหญ่ในประเทศไทย ปรับปรุงสายพันธุ์โดยการใช้กระบือพ่อพันธุ์ระดับแกรนด์แชมป์สีเผือกของฟาร์ม คือ เจ้าแก้วฟ้า และพ่อพันธุ์กระบือสีดำ คือ มณีแดง  ด้านอาหาร ให้อาหารหยาบ คือ หญ้าสดเป็นหลักและเสริมด้วยฟางข้าว สำหรับอาหารข้นให้อาหารข้นเสริมจากสูตรที่คิดขึ้นเองตามวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับกระบือ  ด้านการจัดการโรงเรือน  เป็นแบบปิด มีการติดตั้งฝ้าเพดานป้องกันความร้อน มีแผ่นยางปูพื้นคอกเพื่อป้องกันการเกิดกีบเท้าบาน กางมุ้งแบบถาวรทั้งโรงเรือนเพื่อป้องกันแมลง ยุง เหลือบ ที่จะนำโรคต่าง ๆ มีระบบระบายอากาศที่ดี พ่นหมอกอัตโนมัติเพื่อคลายความร้อนและมีการทำความสะอาดโรงเรือนทุกวัน  ด้านสุขาภิบาล มีการเก็บมูลกระบือทุกวัน มีถังยาฆ่าเชื้อไว้จุ่มรองเท้าก่อนเข้าฟาร์ม  ระบบการพ่นยาฆ่าเชื้อรถที่เข้าบริเวณฟาร์ม  กางมุ้งป้องกันยุงแมลงแบบถาวร แผ่นยางปูพื้นคอกเพื่อป้องกันการเกิดกีบเท้าบาน  ทำวัคซีนตามโปรแกรมของกรมปศุสัตว์   ด้านมาตรฐานฟาร์ม ได้รับการรับรองเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม GFM  ด้านการตลาดและการแปรรูป ผลิตและจำหน่ายลูกกระบือ (ราคาประมาณตัวละ 60,000  บาท)  โดยจำหน่ายให้กับเกษตรกรที่ต้องการพ่อแม่พันธุ์เพื่อนำไปปรับปรุงพันธุ์ของเกษตรกร   ผลิตภัณฑ์จากนมกระบือ ประกอบด้วย นมเพื่อบริโภค โยเกิร์ต และเวชสำอาง และการใช้ประโยชน์จากมูลกระบือ เฉลี่ยวันละ 3,000 กิโลกรัม บรรจุใส่กระสอบ 15 – 20 กิโลกรัม เฉลี่ยกระสอบละ 40 บาท

นายพรหมพิริยะ สอนศิริ  เป็นบุคคลที่มีความเป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความรู้ประสบการณ์ ทำงานด้วยความเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม   เป็นอุปนายกคนที่ 3 สมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน (เกษตรน่าน)  เป็นนายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย คนที่ 4 ของประเทศไทย  การถ่ายทอดความรู้ เรื่องงบการพัฒนาการเลี้ยงกระบือ  การพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ  การให้ความรู้โครงการศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองยาว  สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย  จัดงานวันอนุรักษ์ควายไทยและบายศรีสู่ขวัญ  ฯลฯ   สนับสุนนการจัดงานมหกรรม      ปศุสัตว์ชัยภูมิเพื่อชีวิตและเกษตรกรรมที่ยั่งยืนมหกรรมควายไทยล้านนา   งานมหกรรมความยักษ์เมืองสองแควจังหวัดพิษณุโลก  มหกรรมปศุสัตว์ นครชัยบุรินทร์   ช่วยเกษตรกรอินทรีย์ที่ทำนาบริเวณรอบ ๆ ฟาร์ม   จัดงานประกวดกระบือจังหวัดร้อยเอ็ด  การจัดงานมหกรรมปศุสัตว์แห่งชาติ  บริจาคกระบือ

นายพรหมพิริยะ สอนศิริ มีแนวทางในการปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นแบบอย่างในการลดใช้สารเคมีทางการเกษตร  นำมูลกระบือที่ได้จากฟาร์มไปทำปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ในรูปแบบตากแห้งและอัดเม็ด มีการเติมโดโรไมท์และปูนมาร์ลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับสภาพดินร่วมกับปุ๋ยคอกมูลกระบือปุ๋ยอินทรีย์มีส่วนผสมที่ไม่รบกวนและไม่สร้างความเดือดร้อนต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชน   การจัดการน้ำ มีระบบประปาภายในฟาร์มเพื่อที่จะได้มีน้ำใช้ตลอดปี ระบบบำบัดกำจัดน้ำทิ้งน้ำเสียจากน้ำฉีดล้างคอกเพื่อทำความสะอาด โดยการนำไปพักและบำบัดจากการใช้ EM Ball เป็นการเติมจุลินทรีย์ที่ดีช่วยในการสลายวัตถุเน่าเสียและสิ่งปฏิกูล ก่อนจะปล่อยลงสู่แปลงหญ้า  ระบบการจัดการในฟาร์มไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าหญ้า ภายใต้แนวปฏิบัติการเลี้ยงกระบือที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหญ้าที่ได้ต้องเป็นหญ้าที่ปลอดสารพิษ

          ในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รณรงค์ให้เกษตรกรบริเวณใกล้เคียงไม่ให้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช โดยให้บริการตัดหญ้าตามคันดินบริเวณขอบบ่อปลาของเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง ให้กับเกษตรกรฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือ เกษตรกรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชตามขอบบ่อปลา ส่วนฟาร์มกระบือได้หญ้ามาเลี้ยงกระบือตลอดทั้งปี  สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยและพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี  กรมปศุสัตว์  โทร. 0 – 2653 – 4444  ต่อ 2271 ”  อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว

                         

 

                                                *****************************************

ข้อมูล : กลุ่มวิจัยและพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี  กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์  กรมปศุสัตว์

ข่าว : พิจารณา  สามนจิตติ  กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  สำนักงานเลขานุการกรม