“TMR” มาจาก Total mixed ration หรือ Complete Ration ก็คือ อาหารผสมสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาจากการนำอาหารหยาบและอาหารข้นมาผสมกัน ในอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยต้องคำนวณสัดส่วนของอาหารทั้ง 2 ชนิด จากน้ำหนักแห้ง ให้ได้ตามความต้องการของโค แล้วนำไปเลี้ยงโคนม-โคเนื้อ แทนการเลี้ยงแบบเดิม ซึ่งจะแยกการให้อาหารหยาบและอาหารข้น เช่น ในโคนมผู้เลี้ยงจะให้อาหารหยาบ ตลอดทั้งวันแบบให้กินเต็มที่ และขณะรีดนมก็จะให้อาหารข้นเสริมวันละ 1-2 ครั้ง/วัน เป็นต้น ปัจจุบันมีบริษัทผลิตอาหารผสมสำเร็จรูปออกมาจำหน่ายทั้งในรูปอาหารผสมสำเร็จรูปอัดเม็ด อาหารผสมสำเร็จรูปแบบผง หรืออาหารผสมสำเร็จรูปแบบหมัก

อาหาร TMR นั้น จะเป็นตัวเพิ่มความเป็นกรด - ด่าง ที่เหมาะสม การให้อาหารหยาบ และอาหารข้นพร้อมๆ กัน ในรูปของอาหาร TMR หรืออาหารผสมสำเร็จรูป จึงเป็นวิธีหนึ่งจะสามารถควบคุมระดับความเป็นกรด-ด่างในกระเพาะผ้าขี้ริ้ว หรือกระเพาะแรก ให้คงที่ได้ดีกว่าการให้อาหารแยกกัน เนื่องจากความเป็น กรด-ด่าง (pH) ในกระเพาะผ้าขี้ริ้วมีความสำคัญต่อขบวนการย่อยอาหารของโค การควบคุมให้ความเป็น กรด-ด่าง ในกระเพาะผ้าขี้ริ้วคงที่ได้ จะสามารถเพิ่มการย่อยอาหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงของความเป็นกรด - ด่าง ที่เหมาะสม ควรเป็น 6.0 - 6.5 ซึ่งจะมีผลโดยตรงมาจากอาหาร ถ้าให้โคกินอาหารแบบแยกกันระหว่างอาหารหยาบและอาหารข้น ความเป็นกรด-ด่างในกระเพาะผ้าขี้ริ้วจะเปลี่ยนแปลงไปตามอาหารที่ให้ตลอดเวลา เช่น ถ้าให้โคกินอาหารข้นปริมาณมาก โอกาสที่กระเพาะผ้าขี้ริ้วจะเป็นกรดมากขึ้น ถ้าให้อาหารข้น แล้วความเป็นกรด – ด่าง ต่ำกว่า 5 โคจะมีประสิทธิภาพการใช้อาหารลดลง ซึ่งส่งผลให้ในโคนมไขมันในน้ำนมจะต่ำ และโคจะแสดงอาการป่วย มีกรดในกระเพาะสูง แต่เมื่อโคได้กินหญ้าหรืออาหารหยาบ ความเป็นกรด-ด่างในกระเพาะผ้าขี้ริ้วจะสูงขึ้น เนื่องจากโคจะมีการเคี้ยวเอื้อง ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำลาย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่างไหลกลับเข้ากระเพาะผ้าขี้ริ้ว จะช่วยปรับสภาพในกระเพาะผ้าขี้ริ้วให้ความเป็นกรด-ด่างสูงขึ้น

สูตรอาหาร TMR จำเป็นต้องลดขนาดของอาหารหยาบลง เพื่อการผสมให้เข้ากันดีกับอาหารข้น ลดความหนาแน่นของอาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการกินได้และลดการเลือกกินอาหารของโค การลดขนาดของอาหารหยาบจะทำให้ลดการเคี้ยวเอื้อง การหมุนเวียนของน้ำลายก็จะน้อยลง ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของจุลินทรีย์ในกระเพาะผ้าขี้ริ้ว ดังนั้นอาหาร TMR ควรมีลักษณะดังนี้

  1. ประกอบด้วยอาหารหยาบและอาหารข้น ในสัดส่วนที่เหมาะสม ควรมีระดับพลังงานและโปรตีนครบตามความต้องการของสัตว์ระยะต่างๆ โดยคำนวณจากน้ำหนักแห้งตามอายุ และผลผลิตของโค
  2. คุณภาพของอาหารหยาบและอาหารข้น ต้องมีคุณภาพดี ควรมีระดับโปรตีนไหลผ่าน 30-35% ของโปรตีนทั้งหมดในอาหาร มี NDS ไม่เกิน 35% โดยเฉพาะอาหารหยาบ ถ้ามีคุณภาพต่ำจะไม่ช่วยให้การใช้ประโยชน์ของอาหาร TMR สูงสุด
  3. ขนาดตามยาวของอาหารหยาบไม่สั้นจนเกินไป ความยาวที่แนะนำให้ใช้อยู่ระหว่าง 3-5 ซม. หรือยาวกว่านี้ และมีเยื่อใย ADF ประมาณ 20-25% หรือ NDF 30-35% จึงจะทำให้การย่อยได้ในกระเพาะผ้าขี้ริ้วมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และสามารถรักษาความเป็นกรด – ด่าง ในกระเพาะให้คงที่ได้
  4. การกระจายตัวของอาหารหยาบและอาหารข้น ควรสม่ำเสมอทั่วถึง
  5. สภาพอาหารต้องไม่มีรา หรือมอด และควรมีความน่ากิน เป็นที่สนใจของโค

ในการประกอบสูตรอาหาร TMR ต้องใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีคุณสมบัติที่ดี เช่นเดียวกับการประกอบสูตรอาหารข้น ซี่งอาหาร TMR จะประกอบด้วย

  1. แหล่งอาหารหยาบ ใช้พืชอาหารสัตว์ได้ทุกชนิด และเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เยื่อใยสูง อาหารหยาบที่ใช้ควรมีศักยภาพในด้านการย่อยได้ และอัตราการย่อยได้สูง มีความสามารถทำให้อัตราการหมักสูง มีอัตราการสังเคราะห์จุลินทรีย์โปรตีนสูงกว่าอัตราการผลิตกรดไขมันที่ระเหยได้
  2. แหล่งอาหารข้น แบ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีน เช่น พวกกากถั่วเหลืองๆ กากเมล็ดทานตะวัน กากงา กากเมล็ดฝ้าย ใบพืชโปรตีนสูง เช่น ใบกระถินแห้ง ใบมันสำประหลังแห้ง เป็นต้น และแหล่งอาหารพลังงาน เช่น มันเส้น ข้าวโพด รำ ข้าวฟ่าง เป็นต้น
  3. แหล่งแร่ธาตุ และอื่นๆ ได้แก่ กระดูก เปลือกหอย เกลือ ไดแคลเซียมฟอสเฟต วิตามิน และแร่ธาตุปลีกย่อย เป็นต้น

การให้โคกินอาหารแบบอาหารผสมเสร็จ TMR หรือ Complete feed นี้เป็นการรวมทั้งอาหารหยาบ อาหารข้น และอาหารเสริมแร่ธาตุ และวิตามินเข้าด้วยกัน โดยคำนวณ ให้มีโภชนะต่างๆ เพียงพอตามความต้องการของสัตว์ การให้อาหารแบบนี้จะเป็นวิธีที่ง่ายต่อการจัดการประหยัดเวลา และแรงงาน ซึ่งโคจะได้รับโภชนะครบถ้วน และมีสัดส่วนสม่ำเสมอตามความต้องการของโค และโคจะได้รับประโยชน์ดังนี้

  1. ความเป็นกรด-ด่าง ในกระเพาะผ้าขี้ริ้วมีสภาพเหมาะสมต่อสภาวะนิเวศน์ของการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
  2. ทำให้กระเพาะผ้าขี้ริ้วของโค ใช้อาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. อาหารในกระเพาะหมักมีการย่อยได้ดีขึ้น
  4. ทำให้การดูดซึมอาหารไปใช้ประโยชน์ในร่างกายดีขึ้น
  5. ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดป่วยเป็นโรคมีกรดในกระเพาะมากกับโค
  6. ทำให้โคสามารถแสดงศักยภาพการให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่
  7. จะช่วยประหยัดแรงงานเกี่ยวกับการจัดการอาหารหยาบ และสะดวกในการจัดการการให้อาหาร

อาหารผสมเสร็จ TMR ก็มีข้อเสียที่ควรระวังในการใช้เช่นกัน คือ โคอาจได้รับโภชนะบางอย่างมากหรือน้อยกว่าความต้องการ โดยเฉพาะพลังงาน และโปรตีน เนื่องจากการประกอบสูตร TMR มักใช้เพื่อเลี้ยงโคในระดับเฉลี่ยทั่วไป ดังนั้น โคที่มีความต้องการโภชนะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจะได้รับโภชนะมากกว่าความต้องการ ซึ่งอาจทำให้โคอ้วน และในทางกลับกันโคที่ให้ผลผลิตสูงกว่าค่าเฉลี่ย ก็จะได้รับไม่เพียงพอ รวมถึง อาหาร TMR มีการสูญเสียโภชนะระหว่างขบวนการเตรียม เช่น การอัดเม็ด หรือการหมัก โดยเฉพาะการหมัก จะมีการทำลายโปรตีน และแป้งใน TMR ระหว่างการหมักโดยจุลินทรีย์ ทำให้สัตว์ได้รับประโยชน์น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ และยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดจากการได้รับสาร NPN (Nonprotein Nitrogen) สูงค่อนข้างมาก เพราะผู้ผลิตมักนิยมผสมยูเรียลงไปเพื่อเพิ่มโปรตีน และแนะนำให้กินเฉพาะ TMR อย่างเดียวเต็มที่ ดังนั้น ถ้าสัตว์ได้รับยูเรียมากกว่าวันละ 30 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 100 กก. จะทำให้เกิดพิษ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ใช้จะต้องระวังที่จุดนี้ให้มาก เนื่องจากในทางปฏิบัติ อาหาร TMR ไม่ควรใส่ยูเรียเกิน 1% และมักผสมกากน้ำตาลในปริมาณ 5 – 10 % ด้วย นอกจากนี้ หากเกษตรกรไม่ได้ผลิตอาหาร TMR เอง แต่ไปซื้อจากร้านค้า แหล่งของเยื่อใยใน TMR ผู้ผลิตมักนิยมใช้ของที่บดง่าย เช่น ซังข้าวโพด,เปลือกถั่วลิสง หรืออื่นๆ ผสม ซึ่งไม่มีลักษณะเป็นเส้นใย ดังนั้น สัตว์จะย่อยไปใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าปกติ อีกทั้ง ยังนิยมใช้กากปาล์ม ซึ่งมีกะลาปาล์มปนค่อยข้างมากเป็นแหล่งเยื่อใย ซึ่งจะทำให้โคมีอาการเบื่ออาหาร และการให้ผลผลิตลดลง

 

ข้อมูล : สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ 

เรียบเรียงโดย : นางสาวสลิรัตน์ ชูโชติ นักวิชาการเผยแพร่ปฏิบัติการ