19 พ.ค.63 เวลา13.30 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เชิญเกษตรกรผู้เลี้ยงม้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้าร่วมหารือเพื่อชี้แนะแนวทางการป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าพร้อมด้วยอาจารย์จากภาคมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในม้า สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคในสัตว์ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า(Afican Horse Sickness) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อในตระกูล ม้า ลา ล่อ ม้าลาย ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคฯ สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส โดยทำให้ม้า ลา ล่อ ม้าลาย มักแสดงอาการมีไข้สูง มีอาการเกี่ยวกับระบบทางหายใจ แล้วตายโดยฉับพลัน นั้น
กรมปศุสัตว์ ได้บูรณาการทำงานกับทุกหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านโรคระบาดสัตว์ อาทิผู้แทนจากองค์การสวนสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมม้าแห่งประเทศไทย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์จากมหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เพื่อสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโรคในม้า จากปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมโรคได้จากการรายงานผลล่าสุดยังไม่พบม้าป่วยตายเพิ่มแต่อย่างใด
นอกจากนี้กรมปศุสัตว์ได้จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมการระบาด ประกอบด้วย การกำหนดพื้นที่เผชิญเหตุโรคระบาด การประชาสัมพันธ์และเตือนภัย การเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ การลดแมลงดูดเลือดและป้องกันแมลงดูดเลือดในสัตว์กลุ่มเสี่ยง การควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์ และการฉีดวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะทำการฉีดวัคซีนในม้า ลา ล่อ ในพื้นที่เกิดโรค คือ รัศมี 20 กม.รอบฟาร์มที่มีโรคระบาดและพื้นที่ป้องกันโรค คือ พื้นที่รัศมีระหว่าง 20 - 50 กิโลเมตร รอบฟาร์มที่มีโรคระบาด ซึ่งมีขั้นตอนทำความเข้าใจกับเจ้าของม้าในประเด็นดังนี้ เหตุผลที่ต้องฉีดวัคซีน การปฏิบัติกับม้าที่ฉีดวัคซีนและผลกระทบภายหลังฉีดวัคซีน รวมทั้งอาจมีการสูญเสียม้าจากผลข้างเคียงของการใช้วัคซีน การนำม้าเข้ามุ้งเพื่อป้องกันแมลงกัดก่อนเก็บเลือดอย่างน้อย 3 วัน และภายหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 30 วัน ขึ้นทะเบียนม้าทุกตัวโดยการติดไมโครชิพและลงข้อมูลในระบบการทำเครื่องหมายสัตว์และขึ้นทะเบียนสัตว์แห่งชาติ (NID) เมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของแล้ว ต้องตรวจสุขภาพสัตว์ เช่น วัดอุณหภูมิสัตว์ หากมีไข้จะไม่ให้ฉีดวัคซีน และกักแยกสัตว์ในมุ้งเพื่อดูอาการ เก็บตัวอย่างเลือดม้าส่งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจดูการติดเชื้อและตรวจระดับภูมิคุ้มกัน ในกรณีที่สัตว์ติดเชื้อจะให้แยกสัตว์ออกจากฝูง และป้องกันแมลงดูดเลือดเพื่อลดการแพร่จะจายของโรค
ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้ากรมปศุสัตว์จะดำเนินงานอย่างโปร่งใส รวมทั้งคลี่คลายสถานการณ์ในระยะเวลาให้สั้นที่สุด ควบคุมสถานการณ์และจำกัดการเกิดโรคให้อยู่ในพื้นที่ ลดการสูญเสียและผลกระทบ ลดจำนวนม้าตายให้น้อยที่สุด และขอความร่วมมือ ผู้เลี้ยงม้าหากพบการเจ็บป่วยหรือตาย แจ้งสายด่วนกรมปศุสัตว์ได้ทันที ที่เบอร์โทรศัพท์ 063-225-6888
{gallery}news_dld/2563/2563_05_19b/{/gallery}
ภาพ ฉัตรชัย นวลปลอด เผยแพร่ฯ สลก. / ข่าว เลขาอธิบดีกรมปศุสัตว์