กรมปศุสัตว์เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังโรคสัตว์ปีก แนะนำดูแลสุขภาพสัตว์ปีกอย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมืออากาศที่เปลี่ยนแปลง หลังฝนตก อุณหภูมิลดต่ำลง กอปรกับมีลมแรงในหลายพื้นที่ ส่งผลให้สัตว์ปีกมีสุขภาพอ่อนแอและอาจป่วยและตายได้

นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เปิดเผยว่า จากพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงได้บางพื้นที่ ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ตามด้วยภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ในขณะที่ประเทศไทย มีอากาศร้อน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งสภาพอากาศดังกล่าวส่งผลให้สัตว์ปีกมีความเครียดและอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ กอปรกับรายงานขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organisation for Animal Health หรือ OIE) เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา พบการระบาดของโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ H5N1 ในฟาร์มสัตว์ปีกที่ประเทศกัมพูชา กรมปศุสัตว์จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรเฝ้าระวังดูแลสุขภาพสัตว์ปีกในระยะนี้อย่างใกล้ชิด โดยการจัดเตรียมหรือหาโรงเรือนให้สัตว์ปีกอยู่อาศัย ที่สามารถป้องกัน ลม ฝนได้ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายสัตว์ พร้อมมีวัสดุปูรอง ตลอดจนจัดเตรียมอาหารและน้ำสะอาดให้เพียงพอ และทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เสริมวิตามินและแร่ธาตุ เพื่อให้ร่างกายสัตว์ปีกแข็งแรง

นายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เร่งค้นหาโรคระบาดในสัตว์ปีก โดยการเข้าตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกรายย่อย (เคาะประตูบ้าน) พร้อมสุ่มเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และดำเนินการพ่นยาฆ่าเชื้อตามพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่ที่เลี้ยงสัตว์ปีกรายย่อย พื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่นกยพยพ เป็นต้น อีกทั้งกำชับให้ตรวจสอบการลักลอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก เข้า-ออก ตามแนวชายแดน ตั้งจุดพ่นยา ฆ่าเชื้อในบริเวณด่านกักสัตว์ที่จุดผ่านแดนและเข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ปีก ต้องมีใบอนุญาตในการเคลื่อนย้ายทุกครั้ง พร้อมทั้งมีการบูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมการปกครอง

ท้ายนี้ กรมปศุสัตว์ของความร่วมมือจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก หากผู้ใดพบเห็นการลักลอบหรือพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ สามารถแจ้งอาสาปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ปศุสัตว์อำเภอ ปศุสัตว์จังหวัด กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน อย่างเร่งด่วน หรือแจ้งผ่านสายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร 096-301-1946 ที่สำคัญห้ามนำสัตว์ปีกดังกล่าวไปประกอบอาหารหรือทิ้งในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างเด็ดขาด ต้องทำลายซากอย่างถูกต้องด้วยการฝังหรือเผา ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรค มิให้แพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวในที่สุด

****************************

ข้อมูล/ข่าว : กลุ่มควบคุมป้องกันโรคสัตว์ปีก สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์