นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว กรณีที่บริเวณป่ารกร้างติดกับถนนสายพระแท่นศิลาอาสน์-ด่านแม่คำมัน ถนนสายหลักเข้าและออกเมืองอุตรดิตถ์และอำเภอลับแล ไปยังอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย บริเวณบ้านพระแท่น หมู่ 6 ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เลยวัดพระแท่นศิลาอาสน์พระอารามหลวง ประมาณ 1 กิโลเมตร พบฝูงนกกระยางขาวและนกปากห่างจำนวนมาก อพยพมาอาศัยเป็นระยะเวลากว่าครึ่งปี โดยฝูงนกเหล่านี้ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว และผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เนื่องจากส่งเสียงร้องดัง และสร้างปัญหากลิ่นรบกวน จึงได้สั่งการให้ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับปศุสัตว์อำเภอลับแล ด่านกักกันสัตว์อุตรดิตถ์ ประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบพื้นที่ และดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นพื้นที่ของเรือนจำอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นป่ารกร้างเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ อยู่ติดกับถนนสายพระแท่นศิลาอาสน์-ด่านแม่คำมัน บริเวณบ้านพระแท่น หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เลยวัดพระแท่นศิลาอาสน์พระอารามหลวง ไปทางอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ประมาณ 1 กิโลเมตร มีฝูงนกกระยางขาวและนกปากห่าง จำนวนมาก จับอยู่ตามกิ่งไม้และบินโฉบไปมา และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำอุตรดิตถ์ผู้ดูแลพื้นที่ ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการเตรียมก่อสร้างเรือนจำจังหวัดแห่งใหม่ แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จึงกลายเป็นป่ารกร้าง ฝูงนกจึงอพยพมาอาศัย เป็นเวลาประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ขยายพันธุ์เร็ว เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน และเนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ทำให้มูลนกส่งกลิ่นเหม็นบริเวณรอบๆด้วย ในเบื้องต้น ทางเรือนจำอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ได้ดำเนินการตัดต้นไม้และตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณที่อยู่ติดบริเวณถนน ทำให้ฝูงนกถอยเข้าไปอาศัยอยู่ในบริเวณป่าลึกขึ้น
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอลับแล ด่านกักกันสัตว์อุตรดิตถ์ และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล ได้ร่วมกันดำเนินการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วบริเวณที่พบฝูงนกกระยางขาวและนกปากห่างในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างซากนกกระยางขาว จำนวน 2 ตัวอย่าง ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทางสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ ได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิธีการป้องกัน/หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับซากสัตว์ปีกที่ตายโดยตรง ให้แก่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวด้วย เพื่อเฝ้าระวังการเกิดโรคระบาดในสัตว์ปีก และการระบาดของโรคจากสัตว์ปีกสู่คน ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงขอความร่วมมือเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไป หากพบสัตว์ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่านำซากสัตว์เหล่านั้นไปบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยด่วน เพื่อไปชันสูตรหาสาเหตุการตาย เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และทำลายซากสัตว์ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปองกันโรคระบาดสัตว์ได้อย่างทันท่วงที
************************************
ข้อมูล : สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ ข่าว : น.ส.เพ็ญศิริ ดวงอุดม นักวิชาการเผยแพร่ชำนาญการ