นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน การแถลงข่าว การประกาศใช้หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรฉบับใหม่ พร้อมด้วยนางสาวศศิมา ราชานนท์ นิติกรเชึ่ยวชาญ นางสาวพัชรณัฏฐ์ เจริญพัฒนาภัค นิติกรชำนาญการพิเศษ จากกรมบัญชีกลาง นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดฯ นายสุรเดช สมิเปรม นายชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมคณะผู้บริหารร่วมชี้แจงรายละเอียดและให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการดำเนินงานในการให้ความช่วยเหลือ ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 เวลา 10:30 น. ณ ห้องประชุม 112 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงว่า จากความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรทุกสาขาอาชีพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง ประกาศใช้หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตรฉบับใหม่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพื่อปรับปรุงอัตราการให้ความช่วยเหลือให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งร่างหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยมีขอบเขตการจ่ายเงินทดรองราชการว่า จะต้องเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินด้านการเกษตร แก่ผู้ประสบภัยที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนกับหน่วยงานที่กำกับดูแลแต่ละด้านของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเกิดภัยพิบัติ ซึ่งมีหลายด้าน อาทิ ด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์
นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าในส่วนของปศุสัตว์มีการปรับเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเกือบทุกชนิดสัตว์ และมีอัตราเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคาดว่าเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปี สกินจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการช่วยเหลือตามอัตราใหม่ โดยหลักเกณฑ์ฯ ระบุว่าผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีที่เป็นการจัดหาอาหารสัตว์ วัคซีนและเวชภัณฑ์รักษาสัตว์ เพื่อการฟื้นฟู สุขภาพสัตว์เลี้ยงและการจัดหาอาหารสัตว์ตามราคาท้องตลาด หรือตามความจำเป็นเหมาะสม การให้ความช่วยเหลือกรณีแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรตายหรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูหรือเยียวยาให้กลับสู่สภาพเดิมได้ให้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นเงินในอัตราไร่ละ 1,980 บาท แต่ไม่เกินรายละ 30 ไร่ การให้การช่วยเหลือกรณีสัตว์ตายหรือสูญหายให้ช่วยเหลือตามจำนวนที่เสียหายจริงแต่ไม่เกินเกณฑ์การช่วยเหลือโดยดำเนินการช่วยเหลือ อาทิ
โค ได้ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 13,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 22,000 บาทอายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 29,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 35,000 บาท
กระบือ ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 15,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 24,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 32,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 39,000 บาท
สุกร รายละไม่เกิน 10 ตัว อายุ 1 ถึง 30 วัน 1,500 บาท อายุมากกว่า 30 บาทขึ้นไป 3,000 บาท
แพะ/แกะ ไม่เกินรายละ 10 ตัว อายุ 1-30 วัน 1,500 บาท อายุมากกว่า 30 วัน 3,000 บาท
ไก่พื้นเมือง/ไก่งวง ไม่เกินรายละ 300 ตัว อายุ 1-21 วัน 30 บาท อายุ 21 วันขึ้นไป 80 บาท
ทั้งนี้ยังมี ไก่ไข่ / ไก่เนื้อ / เป็ดไข่ / เป็ดเนื้อ / นกกระทา / นกกระจอกเทศและห่านตามอัตราที่กำหนด
https://secretary.dld.go.th/webnew/index.php/th/news-menu/headnews-menu/7982-371-2564#sigFreeIdc113dffebb
ภาพ กิตติพรรณ จินดามัง ข่าว : พิจารณา สามนจิตติ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม